การวัดดัชนีมวลกาย BMI คืออะไร และวิธีคำนวณค่า BMI
ดัชนีมวลกาย หรือ BMI คืออะไร และจะมีวิธีคำนวณค่า BMI อย่างไร เพื่อให้เราทราบถึงการดูแลสุขภาพ ในบทความนี้เรามีคำตอบมาให้คุณ
ค่าดัชนีมวลกาย BMI คืออะไร
ค่าดัชนีมวลกาย หรือที่เรารู้จักในชื่อว่า BMI ย่อมาจากชื่อเต็มว่า Body Mass Index คือ ค่าสากลหรืออัตราส่วนที่สัมพันธ์กันระหว่างน้ำหนักต่อส่วนสูง โดยใช้การชั่งน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม และวัดส่วนสูงเป็นหน่วยเซนติเมตร
การหาค่า BMI เป็นการหาค่าที่นิยมใช้เพื่อหาปริมาณไขมันส่วนเกินที่ร่างกายเก็บสะสม และใช้บ่งว่าเราอ้วนหรือผอม หรือมีภาวะเสี่ยงต่อโรคหรือไม่นั่นเอง เป็นการประเมินความเสี่ยงพื้นฐาน โดยค่านี้จะสามารถวัดได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 เป็นต้นไป และเป็นค่าที่ค่อนข้างเชื่อถือได้
ความสำคัญของการวัดค่าดัชนีมวลกาย BMI
การวัดค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ก็เพื่อประโยชน์ดังต่อไปนี้
– เพื่อดูอัตราการเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ทั้งในผู้ที่อ้วนเกินไปและผอมเกินไป
– เพื่อบ่งบอกได้ว่าเราอยู่ในเกณฑ์ปกติ อ้วนไป หรือผอมไป ซึ่งค่า BMI ปกติ เป็นสิ่งที่เราต้องรักษาไว้ในการดูแลสุขภาพ
– เพื่อการประเมินสุขภาพร่างกายของตนเองในขั้นพื้นฐาน
วิธีคำนวณค่า BMI ทำได้อย่างไรบ้าง
เมื่อเราได้ทราบแล้วว่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ก็มาถึงวิธีคำนวณค่า BMI ซึ่งเราสามารถทำได้ใน 2 วิธี คือ
1. ใช้เครื่องมือที่มีอยู่
ในปัจจุบันนี้ มีเว็บไซต์ หรือเพจมากมายที่คุณสามารถเข้าไปกรอกข้อมูล คือ ส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อทำการคำนวณอัตโนมัติได้ โดยในหน้าที่มีการให้คำนวณค่า BMI ก็จะมีเกณฑ์ BMI บอกให้คุณได้ทราบด้วยว่าคุณอยู่ในเกณฑ์ใด รวมไปถึงอาจมีคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเพิ่มเติมให้กับคุณด้วย
2. ใช้การคำนวณด้วยตนเอง
หากคุณไม่ต้องการใช้เครื่องมือที่มีอยู่ หรือต้องการที่จะคำนวณด้วยตนเอง ก็สามารถทำได้โดยเอาน้ำหนักหารด้วยความสูงยกำลังสอง
Body Mass Index (BMI) มีสูตรการคำนวณแบบเมตริกซ์ (Metric BMI Formula) = น้ำหนักตัว [Kg] / (ส่วนสูง [m] ยกกำลังสอง) ตัวอย่างเช่น น้ำหนัก 55 กิโลกรัม ส่วนสูง 155 เซนติเมตร (1.5 เมตร) จะได้ 55 / (1.5×1.5) = 24.44
นอกจากนี้ยังมีสูตรคำนวณดัชนีมวลกายแบบอังกฤษ (English BMI Formula) ด้วย สูตรคำนวณคือ น้ำหนัก (ปอนด์) / [ส่วนสูง (นิ้ว)] ยกกำลังสอง x 703 ตัวอย่างเช่น น้ำหนัก 150 ปอนด์ ส่วนสูง 5 ฟุต 5 นิ้ว (65 นิ้ว) จะได้ [150 / (65×65)] x 703 = 24.96
ค่าตัวเลขดัชนีมวลกายจะเหมือนกันทั้งชายและหญิง แต่อย่าลืมว่าสูตรคำนวณ หรือวิธีหาค่า BMI นั้นเหมาะสำหรับใช้ประเมินผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป สำหรับเด็กจะใช้สูตรที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ สูตรคำนวณดัชนีมวลกาย BMI สำหรับเด็กจะเริ่มตั้งแต่อายุ 2-19 ปี และของผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป

เกณฑ์ค่าดัชนีมวลกาย BMI
ต้องบอกก่อนว่าเกณฑ์ในการประเมินดัชนีมวลกายนั้นอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละแห่ง แต่ละสำนัก แต่ก็มีความใกล้เคียงกัน ซึ่งโดยทั่วไป เกณฑ์ดัชนีมวลกายสามารถแบ่งและประเมินได้ดังนี้
– 40 ขึ้นไป คุณเป็นโรคอ้วนขั้นสูงสุด เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงที่แฝงมากับความอ้วน
– 35 ขึ้นไป คุณเป็นโรคอ้วนระดับ 2 และเสี่ยงต่อโรคที่มากับความอ้วน
– 30 ขึ้นไป คุณเป็นโรคอ้วนระดับ 1 หากคุณมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม.ในผู้ชาย และ 80 ซม.ในผู้หญิง คุณจะมีโอกาสเกิดโรคความดัน เบาหวานสูงได้
– 25 ขึ้นไป คุณอยู่ในเกณฑ์ที่เริ่มอ้วน และอาจมีแนวโน้มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ ได้
– 23 ขึ้นไป คุณอยู่ในเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อความอ้วน และต้องควบคุมน้ำหนักให้เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน
– 18.6 ขึ้นไป คุณอยู่ในเกณฑ์ที่มีน้ำหนักเหมาะสม โดยน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทยคือค่า BMI ระหว่าง 18.5-22.9 ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคน้อยที่สุด ควรรักษาให้ค่า BMI ปกติให้นานที่สุด
– น้อยกว่า 18.5 คุณมีน้ำหนักน้อยเกินไป อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย
การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย BMI ในเด็ก
ค่าดัชนีมวลกายหรือค่า BMI ในเด็กจะขึ้นอยู่กับอายุและเพศด้วย จึงเรียกว่า ค่าดัชนีมวลกายต่ออายุ (BMI-for-age) โดยคุณสามารถคำนวณอัตโนมัติได้จากหน้าเว็บไซต์ หรือแหล่งที่มีให้บริการ
เมื่อได้ค่า BMI ของเด็กแล้ว ก็จะนำมาทำเปรียบเทียบกับตารางการเจริญเติบโต (growth chart) ซึ่งเป็นกราฟผล BMI ของเด็กในแต่ละปี แบ่งตามอายุและเพศ สามารถประเมินได้ดังนี้
– น้ำหนักมากกว่าเปอร์เซนไทล์ที่ 95 แสดงว่าอ้วน
– น้ำหนักอยู่ระหว่างเปอร์เซนไทล์ที่ 85 และ 95 แสดงว่าน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์
– น้ำหนักอยู่ระหว่างเปอร์เซนไทล์ที่ 5 และ 85 แสดงว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักที่เหมาะสม
– น้ำหนักน้อยกว่าเปอร์เซนไทล์ที่ 5 หรือ แสดงว่าน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
ที่การวัดค่า BMI ในเด็กมีความแตกต่างผู้ใหญ่เนื่องจากอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน รวมถึงเด็กมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณของไขมันในร่างกายตามช่วงอายุตลอดเวลา
เกณฑ์ค่า BMI ปกติของคนเอเชีย คือ 18.5-22.9 และสำหรับคนยุโรป (สากล) คือ 18.5-24.9 ซึ่งแปลง่ายๆ ว่า ถ้าต่ำกว่าเกณฑ์นี้แสดงว่าผอม แต่ถ้าเกินเกณฑ์แสดงว่า น้ำหนักตัวเกิน หรืออ้วน
คนไทยมากกว่า 30% มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่วัยเด็กที่มีแนวโน้มอ้วนกันมากขึ้น เราจึงควรหันมาใส่ใจสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆ และผู้ปกครองควรเอาใจใส่ ควบคุมน้ำหนักของบุตรหลานให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ข้อควรคำนึงถึงในการวัดค่าดัชนีมวลกาย BMI
ดัชนีมวลกาย BMI ที่เราได้ ไม่ได้หมายความว่าเรามีน้ำหนักเหมาะสม ผอมเกินไป หรือ้วนเกินไปอย่างชัดเจน เพราะการวัดค่าดัชนีมวลกาย BMI มีความจำกัดหรือข้อควรคำนึงถึงอยู่บางประการ โดยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ และความสามารถทางกีฬาด้วย ดังนี้
– ผู้หญิงมักมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าผู้ชาย เกณฑ์จึงอาจใช้ไม่ได้ทั้งหมด
– คนที่มีอายุมากกว่ามีแนวโน้มที่จะมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า
– นักกีฬาที่ฝึกฝนมาอย่างดีหรือเป็นนักกีฬาสมัครเล่น มักมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่า และน้ำหนักตัวมากกว่า ทำให้มีดัชนีมวลกายสูง แม้จะมีไขมันน้อย
ดัชนีมวลกาย BMI แม้ว่ายังไม่มีการรับรองถึงความแม่นยำได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็เป็นค่าที่สำคัญต่อการดูแลสุขภาพในเบื้องต้นที่เราควรทราบ และมีวิธีคำนวณค่า BMI ที่ง่ายดาย
หากคุณต้องการเริ่มต้นดูแลสุขภาพ การคำนวณค่า BMI ก็สามารถช่วยให้คุณทราบถึงภาวะที่เหมาะสมของร่างกายได้ว่าคุณผอม อ้วน หรือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อให้วางแผนในการควบคุมน้ำหนักต่อไป ซึ่งหากอยากดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนักให้ดีที่สุด ก็ควรที่จะทราบค่าต่างๆ เพิ่มด้วย โดยใช้ตัวช่วยดีๆ อย่าง เครื่องชั่งน้ําหนัก วัดไขมัน